เกษตรอินทรีย์

       พูดถึงพฤติกรรมที่ฮิตและเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นปัจจุบันนั้นก็คือ การใช้ชีวิตแบบ Slow lifeดื่มกาแฟร้านหรู ๆ ฟังเพลง เล่นเน็ต เช็คสถานะ ใช้ชีวิตแบบชิว ๆ ไปวัน ๆ

       ที่เขียนเรื่องนี้ ก็เพราะผมอยากจะบอกว่า ถ้าคุณยังใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อย ๆ คุณก็จะไม่มีเป้าหมายในชีวิต โอเค ถ้าคุณจะบอกว่ากำลังเช็คหุ้น ตอบไลน์ลูกค้า หรือขายของออนไลน์อยู่ อย่างน้อยคุณก็น่าจะหาเวลาออกไปข้างนอก สัมผัสกับบรรยากาศสนามจริงบ้าง หรือออกไปพบกับผู้คนใหม่ ๆ ไม่ใช่นั่ง Slow life ทั้งวันแบบนี้ครับ

       ซึ่งการใช้ชีวิตแบบ Slow life ก็คือการทำงานในสิ่งที่รัก ไม่เร่งรีบ เหนื่อยก็พัก หนักก็หยุดทบทวน ค่อยคิดค่อยทำในแบบของเรา มีเวลาให้คนที่เรารัก หาแรงบันดาลใจให้กับตนเอง ทำทีละอย่าง และจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ เรียกได้ว่าเป็นการใช้ชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไปจริง ๆ  แต่ถ้าคุณทำงานประจำ แล้วงานที่ทำก็เป็นแบบ Slow life เรียกพี่ล่ะก็ รับรองได้ว่า เจ้านายเรียกพบแน่ ๆ ครับ ฮ่า ๆๆ

farmer-657333_1920

Slow life ในวิถีเกษตร เป็นยังไง

       หันมาดูเรื่องของการทำเกษตร ผมว่านี่แหละ บิดาของ Slow life ของจริง ตอนนี้กระแสการอยากออกจากงานประจำเยอะมากครับ และ 1 ใน 5 ของอาชีพที่ผู้คนอยากออกมาทำ คือ เกษตรครับ มีเวลาเป็นของตัวเอง เป็นนายตัวเอง และได้อยู่กับครอบครัว เป็นความฝันของหลาย ๆ คน

       มีตัวอย่างหลาย ๆ คน ที่ออกมาทำฟาร์ม ทำเกษตร จนโด่งดังกลายเป็นเน็ตไอดอลแล้วก็มี และสิ่งที่คนเหล่านี้ขาย ไม่ใช่หน้าตาครับ แต่เป็นสิ่งที่เขาทำ และอุดมการณ์ที่มุ่งมั่น สิ่งนี้ครับ ที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนให้หันมามองได้ ทำให้เห็นว่า อาชีพเกษตรก็ทำให้พวกเขาภาคภูมิใจได้ ไม่แพ้อาชีพอื่น ๆ

       ตื่นเช้ามาทำในสิ่งที่รักและภาคภูมิใจ จิบกาแฟพร้อมกับสูดบรรยากาศที่สดชื่นในยามเช้า ลงมือทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยและย่อท้อ เพราะไม่ได้มองว่ามันเป็นงาน แต่เป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข ดวงตาเปร่งประกายจับทอดไปยังผลผลิตที่กำลังผลิดอกออกผล และส่งมอบคุณค่านั้นไปยังผู้คน

ว้าว….. แค่คิดก็มีความสุขแล้วใช่ไหมล่ะครับ

farmer-657341_1920

ผมมี 5 วิธี Slow life ในวิถีเกษตรมาฝากครับ ก็ลองเอาไปปรับใช้ให้เข้ากับแบบของเรา

1.ดื่มด่ำ และซึมซับกับธรรมชาติให้มากที่สุด

       เมื่อคุณลงมือทำเกษตร นั่นแปลว่าคุณได้เป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติเรียบร้อยแล้ว ลองสูดหายใจเข้าลึก ๆ สิครับ อยู่กับธรรมชาติ ฟังเสียงหัวใจของตนเอง และเดินตามเสียงนั้น ลองถอดรองเท้าเดินย่ำดิน เดินไปร้องเพลงไป จับจอบจับเสียม รดน้ำพรวนดิน เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็จะค่ำแล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ทั้งที่เรายังสนุกกับมันอยู่เลย นั่นแปลว่าเราเริ่มเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติแล้วล่ะครับ

cocoa-452911_1280

2.เรียนรู้ และเข้าใจธรรมชาติ

       ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับพืชแต่ละชนิดที่เราปลูก เรียนรู้และเข้าใจความต้องการว่าพืชแต่ละชนิดต้องการดิน น้ำ และอากาศแบบไหน บางครั้งเราอาจต้องปล่อยให้มีวัชพืชเพื่อล่อความสนใจจากแมลง หรือศัตรูพืชที่จะมายุ่งกับพืชที่เราปลูก นั่นแปลว่าคุณต้องหมั่นศึกษาเรียนรู้ พร้อมกับการลงมือทำไปด้วยนะครับ ตอนแรกอาจจะถูกบ้างผิดบ้าง แต่เมื่อเราทำบ่อย ๆ เราก็จะเป็นผู้ชำนาญในเรื่องนั้นไปเองครับ

3.โพกัสในสิ่งที่ทำ ค่อยเป็นค่อยไป

       อย่างที่บอกครับ Slow life คือการโพกัสในสิ่งที่ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เรียนรู้จากสิ่งหนึ่งเพื่อต่อยอดไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง จดจ่อและลงมือทำซ้ำ ๆ จดจ่อแล้วทำ ทำแล้วหาข้อแก้ไข เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ดีกว่า สิ่งหนึ่งที่วัดคนล้มเหลวและคนสำเร็จออกจากกัน คือการเริ่มต้นทำครับ คนล้มเหลวพอเจออุปสรรคแค่นิดเดียวก็ถอดใจจนเลิกทำ ส่วนคนสำเร็จเขาโพกัสในสิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะล้มเหลวกี่ครั้ง ก็ยังลุกขึั้นมาได้และลงมือทำต่อโดยไม่ย่อท้อ เพราะสิ่งที่โพกัสคือความฝันที่ใหญ่เกินกว่าอุปสรรคจะขวางกั้นได้ เราจึงได้เห็นคนสำเร็จแค่ส่วนน้อยยังไงล่ะครับ การโพกัสก็เหมือนการตั้งเป้าหมายครับ ถ้าเป้าหมายชัด ความสำเร็จมาแน่นอนครับ

farmer-917998_1920

4.อยู่ที่ตัวเราเอง

       บรรยาการดีหรือไม่ดี อยู่ที่ตัวเราเป็นคนมองครับ สุขหรือไม่สุข อยู่ที่ตัวเราเป็นคนเลือกครับ เวลาอยู่กับธรรมชาติ ลองปิดเสียงรบกวนจากสมาร์ทโฟนดูครับ ลองหาเพื่อนคุยและใส่ใจกับคนรอบข้างให้มาก เมื่อเรามองแต่สิ่งดี ๆ แค่นี้ก็มีความสุขในวิถีเกษตรได้แล้วครับ

5.ทำราวกับว่ามันไม่ใช่งาน

       สุภาษิตบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “เต้นรำราวกับว่าไม่มีใครมองคุณอยู่” ผมว่ามันใช้ได้ดีกับข้อนี้มากครับ ถ้าเราทำโดยที่คิดว่ามันเป็นงาน เราอาจจะทำให้มันเสร็จ ๆ ไป แต่ถ้าเราทำเหมือนเป็นสิ่งที่เรารัก เหมือนเป็นชีวิตของเราเอง ทำโดยไม่มีใครมาบังคับ เราก็จะรู้สึกสนุกไปกับมัน ทำไปเรียนรู้ไป และทำราวกับว่าไม่ได้ต้องการเงิน อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะครับ ว่าผมจะบอกให้ทำโดยเปล่าประโยชน์ ก็ถ้าเราสนุกกับมัน ผลลัพธ์จะออกมาดีครับ แล้วเงินมันจะตามมาเอง

ส่วนเป้าหมายของผมไม่ใช่เพื่อเงินครับ

แต่เป้าหมายของผมคือ การส่งมอบสุขภาพดีให้กับผู้คน

นี่จึงเป็น 5 วีธี Slow life ในการทำเกษตร และขอให้ทุก ๆ คนมีความสุขกับงานที่ทำอยู่ครับ