เกษตรอินทรีย์

เกษตรอินทรีย์ เราสร้างได้

ท่ามกลางการทำเกษตรแบบททุนนิยม  ผลผลิตในปัจจุบันจึงต้องทำด้วยความเร่งรีบ และต้องแข่งกับเวลา จึงต้องมีการผลิตเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค สิ่งที่จำเป็นต้องนำมาใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย นั่นก็คือ ยาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมี ซึ่งทำให้ได้ผลผลิตเป็นจำนวนมาก และสวยงามน่ารับประทาน

     แต่สิ่งหนึ่งที่ติดมากับผลผลิตที่น่าทานเหล่านี้ก็คือ สารเคมี เปรียบเสมือนการหยิบยื่นยาพิษไปให้ผู้คน และสิ่งเหล่านั้นก็จะสะสมในร่างกาย รอวันที่จะกัดกร่อนสุขภาพให้ไปสู่การเจ็บป่วย ในเมื่อเราเป็นคนปลูกเอง ลองถามตัวเองดูซักครั้งไหมว่า สิ่งที่เราปลูก ตัวเราเองทานได้หรือไม่

     เราเองยังปรารถนาให้ตัวเราและคนในครอบครัวมีสุขภาพที่ดี  ทุก ๆ คนก็ปรารถนาเช่นนั้นเหมือนกันครับ การเริ่มจากสิ่งเล็กไปสู่สิ่งใหญ่เป็นไปได้เสมอ ถ้าเราเชื่อในพลังของการได้ทำเพื่อผู้คน

สังคมเกษตรอินทรีย์ สังคมแห่งการแบ่งปัน

      นานมาแล้วที่การทำเกษตรของสังคมไทย เป็นการทำเกษตรแบบปลอดสารพิษมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เราต้องไม่ลืมรากเหง้าของเรา ที่การเกษตรหล่อเลี้ยงชีวิตจิตใจของไทยเรามายาวนาน เป็นการเกษตรแบบยั่งยืน เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้และมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง  เราต้องฝ่าความคิดของคนในปัจจุบันที่ว่า การทำเกษตรต้องใช้สารเคมีถึงจะได้ผล สลัดความเชื่อเดิม ๆ ทิ้งไป

     ถ้ายังมีการใช้สารเคมีอยู่เรื่อย ๆ แบบนี้ ผลจะตกอยู่ที่ตัวเราเอง ผู้ผลิตมีสุขภายย่ำแย่ ดินเสีย สิ่งแวดล้อมเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา สารเคมีเหล่านั้นถูกฝนชะล้างลงสู่แม่น้ำลำคลอง สารพิษสะสมในระบบนิเวศเป็นวงกว้าง การทำเกษตรเคมีทำให้มีต้นทุนที่สูงมากขึ้น แต่ผลผลิตได้เท่าเดิมหรือน้อยกว่า โรคแมลงก็มากขึ้น ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ต้องดูแลมากขึ้น ผู้บริโภคก็ได้รับสารเคมีที่เจือปนไปกับพืชผัก

     ถึงเวลารึยังครับ ที่เราต้องหันกลับมาพึ่งพาตนเอง ลดการใช้สารเคมี ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง ซึ่งจะเป็นตัวทำร้ายสุขภาพเรา และทำร้ายสิ่งแวดล้อมบนผืนแผ่นดินของตัวเราเองด้วย หันกลับคืนมาสู่วิถีแห่งธรรมชาติ  เรียนรู้ที่จะอยู่ให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เมื่อเราทำให้ดินดี น้ำดี  เมื่อนั่นผลผลิตและสิ่งแวดล้อมก็จะดีตามไปด้วย

การปลูกกาแฟในสวนยาง
ฉีดปุ๋ยอินทรีย์น้ำให้กาแฟ โดยไม่ต้องสวมชุดป้องกันเหมือนฉีดสารเคมี

อยู่ที่ใจเรา

      จริง ๆ แล้วการเริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์ไม่ใช่เรื่องยากครับ มันไม่ได้เริ่มจากที่ไหนทั้งสิ้น แต่มันเริ่มที่ใจของตัวเราเอง ที่มุ่งหวังให้ผลผลิตของเราที่ส่งไปยังผู้บริโภคสะอาดและปลอดภัย เป็นการมุ่งหวังในการทำเพื่อผู้อื่น ทำแล้วมีความสุขที่ได้สรรค์สร้างสิ่งดี ๆ ออกไปสู่ผู้บริโภคและสังคม นี่จึงเป็นการทำเกษตรหัวใจอินทรีย์อย่างแท้จริง  กำไรของการทำเกษตรอินทรีย์จึงไม่ได้อยู่ที่ตัวเงิน แต่อยู่ที่การได้กำไรของชีวิตและสิ่งแวดล้อม

      เดินย่ำบนพื้นหญ้าที่เขียวชอุ่ม สัมผัมกับพื้นดินบริสุทธิ์ไร้สารเคมี โอบกอดผืนดินของตัวเราเอง ตาจับจ้องไปยังผลผลิตที่จะส่งไปยังผู้บริโภค ใช้หัวใจแนบชิดเสียงของธรรมชาติ สูดอากาศยามเช้าอันแสนสดชื่น สอดรับด้วยความเขียวขจีของแมกไม้นานาพันธ์ เงี่ยหูฟังเสียงนกน้อยที่กำลังหยอกล้อกันอยู่กลางสวน ซึ่งมันชวนให้เราได้เพลิดเพลินใจ นี่แหละครับ ความสุขอยู่ที่ได้อยู่กับธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์

หลักการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ

      การทำเกษตรอินทรีย์ ก็คือการทำเกษตรโดยรู้หลักของธรรมชาติ  ไม่ใช้เคมีใด ๆ ทั้งสิ้น ให้ความสำคัญกับดินและระบบนิเวศควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แถมตัวเรายังได้สุขภาพกายและใจที่ดีกลับมาด้วย สิ่งแวดล้อมที่เสียไปก็จะค่อย ๆ กลับคืนมาดีขึ้นตามลำดับ  

     ดินที่ดี คือจุดเริ่มต้นของการทำเกษตรอินทรีย์ เราเลี้ยงดิน ให้ดินเลี้ยงพืช ยังเป็นคำกล่าวที่ใช้ได้เสมอ ต้องเริ่มที่ตัวเราในการค่อย ๆ ลดการใช้สารเคมี ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนวิถีทำการเกษตร สังคมอินทรีย์ก็สามารถเป็นจริงได้ เมื่อเราเรียนรู้และเข้าใจที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติ

เกษตรอินทรีย์

การได้ยืนอยู่บนผืนดินของตนเอง ด้วยวิถีเกษตรอินทรีย์ คือความฝันที่เราทุกคนสามารถทำให้เป็นจริงได้ ถ้าหัวใจเราปรารถนาสิ่งนั้นอย่างแท้จริง