เหตุผลสำคัญ !
ที่ทำให้ผมเริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์
สวัสดีครับ ผมอดิศักดิ์ เหล่าพิมพ์ สำหรับผมแล้วการเริ่มทำเกษตรอินทรีย์ เป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับตัวผมมาก เพราะเป็นการฝืนความคิดของคนส่วนใหญ่ในสังคม แต่ก็เป็นสิ่งที่คล้อยตามวิถีทางแห่งธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในสังคมที่ผมอยู่จะไม่มีใครเชื่อว่าการทำเกษตรอินทรีย์เกิดขึ้นได้จริง ถ้ายังไม่มีตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรม เพราะเราชินชากับการใช้สารเคมีราวกับว่ามันจะไม่ส่งผลร้ายมาสู่ตัวเรา ผมจึงตั้งใจที่จะทำเกษตรอินทรีย์ให้คนทั่วไปได้เห็นว่าเราก็สามารถทำให้มันเป็นไปได้จริง
เริ่มจากที่ผมศึกษาการทำเกษตรอินทรีย์จากหนังสือต่าง ๆ ลองมาประยุกต์ใช้กับพื้นที่ของตนเอง เพาะนั่น ปลูกนี่ ไปเรื่อย ๆ ทำจากสิ่งเล็ก ๆ ไปสู่สิ่งใหญ่ จาก 1 อย่าง ไปสู่หลายอย่าง ลองผิดลองถูกเกี่ยวกับการปลูกพืชชนิดต่าง ๆ ทำปุ๋ยหมักและปุ๋ยอินทรีย์น้ำใช้เอง แล้วไปใช้กับพืชที่ปลูก เพื่อสรุปผลการใช้ปุ๋ยแต่ละชนิด เพราะสิ่งที่ทำจะเป็นหลักฐานที่บ่งบอกว่า การทำเกษตรอินทรีย์โดยไม่พึ่งพาสารเคมีเลยสามารถทำได้
มีเรื่องอยู่อย่างหนึ่งครับในครอบครัวของผมเอง ทุกเย็นตอนที่เราจะทานอาหารเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว พ่อของผมเป็นคนที่ชอบทานผักมาก ถ้าวันไหนบนโต๊ะอาหารไม่ผัก หรือมีผักน้อยเกินไป ท่านก็จะเดินดุ่ม ๆ ลงไปเก็บผักชนิดต่าง ๆ ที่อยู่ตามบริเวณที่ปลูกไว้ในบ้าน นำมาล้างแล้วมาวางบนโต๊ะอาหารของเราครับ ตอนแรกผมก็งงว่าถึงเวลาทานข้าวแล้วท่านทำไมไม่ทาน เพราะแบบนี้นี่เอง วันไหนที่พ่อผมไปธุระไม่ได้ทานข้าวด้วย แม่ผมก็จะบอกว่า วันนี้เราไม่ต้องเก็บผักก็ได้ลูก ทานได้แล้ว (ฮา) ผมนี่ขำเลยครับ
เพราะฉะนั้นแต่ละมื้อสำหรับอาหารของเราจะต้องมีผักทุกวันครับ ไม่ชนิดใดก็ชนิดหนึ่ง พ่อบอกว่าการทานผักจะทำให้ร่างกายแข็งแรง ดีต่อสุขภาพของเรา ท่านสอนผมมาแบบนี้ตั้งแต่เล็กแล้วครับ อ้อ ! ผักข้างรั้วก็ปลูกเอง โดยปล่อยให้ขึ้นเองตามธรรมชาติ รดน้ำบ้าง ปลอดสารพิษทานได้แบบสบายใจเลย
เมื่อเราเลือกรับประทานแต่สิ่งดี ๆ มีคุณค่าต่อร่างกาย ทานให้ครบ 5 หมู่ ผลดีเหล่านั้นก็จะเกิดขึ้นกับสุขภาพของตัวเราเอง เพราะสุขภาพที่ดี เราเป็นคนเลือกได้ครับ
จุดเปลี่ยน
และอีกเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญจนเรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ผมอยากจะอุทิศตนเองเพื่อทำเกษตรอินทรีย์ให้เป็นแบบอย่างแก่คนรุ่นใหม่ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2557 น้องชายของแฟนผมฆ่าตัวตาย จากปัญหาส่วนตัวโดยการกินสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร เป็นเรื่องที่ช็อกมากสำหรับผมและครอบครัว ไม่ถึง 12 ชั่วโมงหลังจากนั้น น้องชายผมก็เสียชีวิต
นึกย้อนกลับมาที่ตัวเอง สารเคมีเหล่านั้นคือสารเคมีที่เราใช้ในการเกษตร การควบคุมวัชพืช ที่ฉีดลงไปในดิน มันเป็นละอองไปถูกทั้งวัชพืชและผลผลิต ยังไม่นับปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงนะครับ ซึ่งผลผลิตที่ได้จากการใช้สารเคมีเหล่านั้นก็ตกมาสู่มือผู้บริโภคอย่างเราและอีกทั้งผู้ที่ใช้สารเคมีเองยังได้รับผลทางตรงทางผิวหนังและทางการหายใจ
ผมเคยได้ยินคนพูดว่า การรับจ้างฉีดยาฆ่าหญ้าและยาฆ่าแมลง ก็เหมือนเป็นการรับจ้างตายครับ เพราะสารเคมีเหล่านั้นจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและสะสมเป็นบ่อเกิดของโรคต่าง ๆ ก็สิ่งเหล่านี้แหละครับที่เป็นผลผลิตที่ตกมาสู่มือของเรา โดยที่ผู้ผลิตก็ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งนี้เลยแม้แต่น้อย คนที่รับเข้าไปโดยตรงอย่างน้องชายาผมก็จะเสียชีวิตเลยทันที
ส่วนคนที่รับทางอ้อมไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตหรือผู้บริโภคอย่างเรา ๆ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการสะสมเชื้อร้ายที่จะคอยกัดกินร่างกายเรา และรอวันที่จะแสดงอาการให้ตัวเราเจ็บป่วยได้เลย เมื่อถึงวันนั้นมันอาจจะสายเกินไปแล้วครับ
ผมยังคิดเลยว่าสารเคมีที่รุนแรงขนาดนี้ เขาอนุญาติให้นำมาขายได้ยังไง แม้จะมีใบอนุญาติก็ตามเถอะ ทุกวันนี้เมื่อผมเดินผ่านร้านเคมีภัณฑ์ต่าง ๆ ภาพในวันนั้นก็ลอยเข้ามาในหัวของผมทันที มันเป็นวันที่ผมไม่สามารถลืมได้จริง ๆ
แล้วตัวเราจะทำอะไรได้บ้าง
ย้อนกลับมาที่ตัวเราเอง ตอนนั้นผมคิดว่าต้องทำอะไรซักอย่าง เพื่อเตือนผู้คนให้รู้และห่างไกลออกไปจากสารเคมีเหล่านั้น เราเป็นจุดเล็กมากเมื่อเทียบกับโลกใบนี้ การที่ผมเริ่มทำเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ของตนเอง ถ้าผมเลือกทำเกษตรอินทรีย์ในสังคมที่ผมอยู่เท่านั้น สิ่งที่ผมทำเหล่านี้ก็จะอยู่แค่สังคมเล็ก ๆ ของผมเท่านั้นเอง
แต่ถ้าผมส่งความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ออกไปให้ถึงเกษตรกรผู้ผลิตอาหารเป็นแสนเป็นล้านคน ผู้ที่กุมชะตาของผู้บริโภคเป็นสิบ ๆ ล้านคน ผลที่ได้ก็จะตกไปอยู่กับคนหมู่มาก การที่ผมได้เกิดมาก็ถือว่าคุ้มแล้ว เพราะการที่ได้ทำเพื่อผู้อื่นมันเป็นบทสรุปของผมแล้วว่า ชีวิตนี้ผมเกิดมาทำไม
ย้อนกลับมาถามตัวเองว่าเราเกิดมาเพื่อทำอะไรให้กับสังคมได้บ้าง การที่ผมนำความรู้มาถ่ายทอดให้กับผู้คนที่คิดอยากจะเริ่มหรือที่กำลังลังเลเกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ จะกลายเป็นว่าเราสามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนและสังคมได้อีกมากมาย
ฝืนความคิดคนส่วนใหญ่ แต่ไม่ฝืนกฏแห่งธรรมชาติ
ผมก็เป็นคนรุ่นใหม่ที่ทำงานประจำอยู่ และอยากจะศึกษาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการทำเกษตรอินทรีย์ ผมจึงได้เริ่มลงมือทำโดยไม่รอให้พร้อม จากการเป็นมือใหม่ เรียนรู้ ลองผิดลองถูก สอบถามหรือศึกษาจากคนที่ทำเกษตรอินทรีย์จนประสบความสำเร็จมาก่อน ค่อย ๆ สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาด้วยมือของตัวเราเองครับ และยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมต้องเรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์
หลายคนอาจคิดว่าการทำเกษตอินทรีย์นั้นยาก แต่ถ้าได้ลองทำ ไม่มีอะไรยากไปกว่าสิ่งที่คนเราคิดจะทำหรอกครับ ไม่เริ่มก็ไม่ไปถึงไหน เราเปลี่ยนคนที่ทำเกษตรเคมีไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนที่ตัวเราเองได้ ทำให้เห็นว่ามันสามารถเป็นไปได้ แต่เสียงของเราจะไม่ดังเลยถ้าเราไร้ตัวตน
ผมจึงได้ตัดสินใจก่อตั้งเว็บไซต์ออร์แกนิคฟาร์มไทยแลนด์แห่งนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะเป็นกระบอกเสียงอีกอันหนึ่งที่จะชี้ให้เห็นโทษและพิษภัยของการใช้สารเคมี และรวบรวมประสบการณ์วิธีการทำเกษตรอินทรีย์มาเผยแพร่ให้กับผู้ที่สนใจศึกษา โดยหวังว่าผมจะเป็นจุดเล็ก ๆ อีกจุดหนึ่งที่จะร่วมส่งเสริมผลักดันให้เกษตรอินทรีย์กลับมาบนผืนแผ่นดินไทยอีกครั้งให้ได้
ผมขอเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ที่จะเป็นแรงผลักดันให้ผู้คนทั้งหลายเห็นความสำคัญของการทำเกษตรอินทรีย์ และขอเป็นตัวแทนของคนหนุ่มสาวว่าคนอย่างรุ่นเราก็สามารถกลับมาทำอาชีพเกษตรกรบนผืนแผ่นดินเกิดของเราได้อย่างภาคภูมิใจเช่นกัน
ความสุขและความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับการให้ความหมายของแต่ละคน คำตอบที่ดีที่สุด อาจเกิดจากการตอบคำถามหัวใจของตัวเอง