มาตรฐานและการขอใบรับรองผักปลอดสาร
Cr images : www.freepik.com

Designed by Freepik

มาตรฐานและการขอใบรับรองผักปลอดสาร

นปัจจุบันมีผักปลอดสารพิษออกมาจำหน่ายอย่างมากมาย โดยในท้องตลาดจะมีตราหรือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกที่มาของผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในสินค้าที่ซื้อไป ผักปลอดสารพิษที่จะกล่าวถึงนี้มีความหมายที่แตกต่างกับผักอินทรีย์ ซึ่งผมได้เขียนบทความบอกความหมายของแต่ละประเภทแล้ว ถ้าคุณยังไม่ทราบ ผมให้เวลาอ่าน 10 นาทีก่อนจะไปบรรทัดต่อไป เชิญครับ

บทความผักอนามัย ผักปลอดสาร และผักอินทรีย์แตกต่างกันอย่างไร

 

        ถือว่าเพื่อน ๆ ทราบถึงข้อแตกต่างระหว่างผักปลอดสารและผักอินทรีย์แล้วนะครับ และต่อไปนี้คือมาตรฐานและขั้นตอนในการขอใบรับรองซึ่งได้กำหนดไว้ดังนี้

มาตรฐานและการขอใบรับรองภายในประเทศ

1.มาตรฐาน GAP (Good Agriculture Prac-tices)

        กำหนดเป็นมาตรฐานสินค้าผักและผลไม้ไทยระดับฟาร์มหรือแปลงปลูก การตรวจระบบ GAP จากกรมวิชาการเกษตรโดยมีการกำหนดหลักปฏิบัติ ดังนี้

  • แหล่งน้ำต้องมาจากแหล่งสะอาด ไม่มีสิ่งเจือปน
  • ไม่มีสารปนเปื้อนในดินที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนในผลผลิต
  • ในวัตถุอันตรายในการผลิตตามข้อบังคับของกรมวิชาการเกษตร
  • การเก็บรักษาและขนย้ายต้องมีโรงเรือนที่ได้มาตรฐาน
  • มีการบันทึกข้อมูลการใช้วัตถุอันตรายและป้องกันศัตรูพืช
  • ปลอดศัตรูพืชหลังเก็บเกี่ยว
  • มีการคัดแยกคุณภาพของผลผลิตออกอย่างชัดเจน
  • เครื่องไม้เครื่องมือในการเก็บเกี่ยวต้องสะอาดและปลอดสารปนเปื้อน

วิธีขอใบรับรองGAP

2.มาตรฐาน Q

        มาตรฐานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เห็นการให้ใช้เครื่องหมายรับรองให้เป็นแบบเดียวกัน ครอบคลุมไปที่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ สินค้าพืช ปศุสัตว์ และประมง โดยมีการออกเครื่องหมายรับรองสินค้าและเครื่องหมายรับรองระบบ โดยมีจุดประสงค์ดังนี้

  • เครื่องหมาย Q จะคลอบคลุมมาตฐานต่าง ๆ เช่น GAP ,GMP ,HACCP.CoC ,เกษตรอินทรีย์ เป็นต้น
  • เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ คุณภาพสินค้าเกษตร และอาหารคุณภาพภายใต้เครื่องหมาย Q
  • สร้างแรงจูงใจให้ผู้ผลิต ผลิตสินค้าภายใต้เครื่องหมาย Q และพัฒนาผู้ผลิตให้เข้าสู่ระบบมาตรฐานของกระทรวงมากขึ้น
คุณสมบัติของผู้ที่จะขอสินค้าเกษตรภายใต้เครื่องหมาย Q
  • เป็นนิติบุคคลและมีความสนใจในการขอรับการตรวจรับรอง
  • ให้ความร่วมมือคณะผู้ตรวจรับรอง
  • ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของการตรวจรับรอง
  • สถานที่จำหน่ายต้องมีสินค้าภายใต้เครื่องหมาย Q ทั้งการผลิตระดับฟาร์มและแปรรูป และมีสินค้าจำหน่ายอย่างสม่ำเสมอด้วย
เครื่องหมายเกษตรอินทรีย์
Cr images : www.bangkokexpatlife.com
พูดง่าย ๆ คือต้องผ่านการรับรองมาตรฐานตัว Q ทั้งระบบและ

เกษตรอินทรีย์ก็อยู่ภายใต้เครื่องหมาย Q นี้เช่นกัน

การขอใบรับรองมาตรฐาน Q คลิก

หลักเกณฑ์การใช้เครื่องหมายรับรอง Q กับสินค้าเกษตรและอาหาร คลิก

ระบบการรับรองมาตรฐานการผลิต GAP พืช และพืชอินทรีย์ คลิก



มาตรฐานและการขอใบรับรองส่งออกต่างประเทศ

market-601580_1280

1.มาตรฐาน Global GAP

        เป็นมาตรฐานที่จัดขึ้นโดยเอกชนยุโรป โดยควบคุมการผลิตสินค้าอย่างครบวงจร ได้แก่ พืชผัก ปศุสัตว์ และสัตว์น้ำ เกษตรกรต้องเป็นผู้ติดต่อหน่วยงานที่ออกใบรับรองให้เข้าไปตรวจสอบ โดยมีขั้นตอนดังนี้

  • เกษตรต้องแจ้งความจำนงขอใบรับรอง
  • เกษตรกรปรับตัวและนำแนวมาตรฐานไปปฏิบัติ (3 เดือน)
  • ทำการประเมินเพื่อนำไปปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติอีกครั้ง
  • หน่วยงานไปประเมินมาตรฐานฟาร์ม ถ้าตรงตามมาตรฐาน Global GAP เกษตรกรก็จะได้ใบรับรองดังกล่าว
  • ใบรับรองมีอายุ 1 ปี

อ่านเพิ่มเติมมาตรฐาน Global GAP

2.มาตรฐาน EU GAP

        กำหนดเพื่อควบคุมสนค้าเกษตรและอาหารไม่ให้เกิดโทษกับชีวิต ผู้ผลิตและผู้ส่งออกนั้นต้องควบคุมคุณภาพผักผลไม้ในทุก ๆ ขั้นตอนการผลิต การส่งออกนั้นต้องผ่านมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี หรือ Q-GAP จากกรมวิชาการเกษตรเสียก่อน

 

3.มาตรฐาน ASEAN GAP

        มาตรฐานการผลิตผักผลไม้สดในภูมิภาคอาเซียน พัฒนาขึ้นจากมาตรฐาน GAP ของแต่ละประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผักผลไม้ที่ผลิตในอาเซียนมีคุณภาพและปลอดภัย สุดท้ายเพื่อความสะดวกทางการค้าระหว่างภูมิภาคนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติมมาตรฐาน ASEAN GAP

fruit-1006050_1920

 


        จะเห็นได้ว่าการขอใบรับรองต่าง ๆ ค่อนข้างมีความยุ่งยาก แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลยถ้าเราให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้บริโภค ทั้งยังเป็นการการันตีผลผลิตของเกษตรกรด้วยว่าเป็นผลิตที่ดี มีคุณภาพเชื่อถือได้ เป็นการรองรับตลาดพืชเกษตรที่เราปลูกด้วย

โดยมาตรฐานต่าง ๆ จะใช้เป็นเครื่องหมายประกันความมั่นใจของผู้บริโภคได้อีกทางด้วยครับ

 

ที่มา :

หนังสือผักปลอดสารพิษ ทำได้…รายได้งาม โดยสามารถอ่านรีวิวได้ที่นี่ครับ