รีวิวหนังสือ My Organic Life
รายละเอียด
ผู้เขียน : ศิริกุล ซื่อต่อชาติ (ป้อม)
สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์สเต็ปส์
ราคา : 269 บาท
เริ่มต้นด้วยการใช้ชีวิตควบคู่ธรรมชาติ
หลังจากที่เดินดูหนังสือในร้านอยู่นาน ผมก็มาสะดุดกับหน้าปกหนังสือเล่มหนึ่ง โดยหน้าปกเขียนว่า My organic life หรือการใช้ชีวิตแบบออร์แกนิค ปลูกผักกินเอง ใช้ชีวิตแบบอิงธรรมชาติ เอ…น่าสนใจแล้วสิ ผมเองก็มองหาหนังสือแนว ๆ นี้อยู่ ผมจึงได้หนังสือเล่มนี้กลับมารีวิวให้ทุกท่านได้ฟังครับ ในการทำเกษตรอินทรีย์คือการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ โดยที่เราไม่ไปฝืนธรรมชาติ เป็นการทำเกษตรแบบไม่ใช้ยาฆ่าแมลง หรือสารเคมีใด ๆ แล้วธรรมชาติก็จะค่อย ๆ กลับมาดีครับ และเมื่อสิ่งแวดล้อมดี ผลผลิตดี สุขภาพของเราก็จะดีตามไปด้วยครับ ที่สำคัญเป็นการใช้ชีวิตแบบอิงธรรมชาติอย่างแท้จริง สมัยก่อนคนเราก็ใช้แบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร เป็นเพราะปัจจุบันสังคมเปลี่ยนไป เป็นสังคมที่เร่งรีบ เน้นการผลิตเพื่อให้ได้ปริมาณที่มากที่สุด มีการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงเพื่อให้ได้ผลผลิตจำนวนมากตามที่ต้องการ ผู้บริโภคก็ถือว่าง่าย ๆ ทานยังไงก็ได้ ซึ่งสารเคมีเหล่านี้จะสะสมในร่างกายของเรา นานวันเข้า ๆ มันก็จะเริ่มส่งผลเสียต่อร่างกายของเรา แล้วเราจะรอให้วันนั้นมาถึงหรือครับ มันอาจจะมากจนอาจทำให้เราเจ็บป่วยได้เลยทีเดียว
จากแนวคิดนี้ทำให้คุณป้อม (พูดเขียน) ได้มาแบ่งปันชีวิตของเธอผ่านหนังสือที่ชื่อว่า My organic life ว่าเราทุกคนสามารถเลือกรับประทานอาหารที่ดีได้ และมีการใช้ชีวิตแบบออร์แกนิคในแบบที่เราอยากเป็น มันก็อยู่ที่ว่าเรา..จะเลือกหรือไม่ เท่านั้นเอง
คุณป้อม ศิริกุล ซื่อต่อชาติ
จากประวัติของผู้เขียน คุณป้อมเป็นแม่บ้านที่ใส่ใจในเรื่องของสุขภาพ ซึ่งอาหารหรือผักต่าง ๆ ที่ซื้อมาจากตลาด เราจะทราบได้อย่างไรว่าสะอาดปลอดภัย ไร้สารเคมี ตรงนี้นี่เองที่คุณป้อมได้เล็งเห็นความสำคัญของการรับประทานอาหารจากคนที่ไม่เคยปลูกผักเลย ก็ลองฝึกฝนจากการเข้าอบรม ลองผิดลองถูกด้วยตนเอง จนสามารถปลูกผักไว้กินเองที่บ้านได้ แต่เรื่องน่าสนใจอยู่ที่นี่ครับ ในบ้านของคุณป้อมไม่มีพื้นที่ในการเพาะปลูกเลย จนทำให้คุณป้อมได้ดัดแปงรั่วบ้านและระเบียงบ้านเป็นที่ปลูกผัก โดยการปลูกเป็นชั้น ปลูกผักชนิดต่าง ๆ จนเป็นที่มาของกระแส สวนผักคนเมือง หรือดาดฟ้าสีเขียวครับ เห็นไหมครับ เรื่องพื้นที่ไม่ใช่ปัญหาเลย อยู่ที่ว่าเราจะเริ่มหรือไม่เท่านั้นเอง และนี่ก็เป็นตัวอย่างในการใช้พื้นที่ในบ้านที่อยู่ในเมือง ซึ่งก็สามารถปลูกผักทานเองได้ ช่วงไหนผลผลิตออกเยอะก็จะแบ่งปันให้เพื่อนบ้านและคนในชุมชนทานครับ หรือคนที่ผ่านไปผ่านมาก็สามารถเก็บผักที่อยู่หน้าบ้านไปทานได้เลย ไม่ว่ากัน เป็นสังคมแห่งการเอื้อเฟื้อแบ่งปันอย่างแท้จริงครับ ทั้งนี้เอง คุณป้อมยังเป็นวิทยากรที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกผักอินทรีย์อีกด้วย
ใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ
อย่างที่บอกครับ หนังสือ My organic life หรือการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ จะกล่าวถึงใน 1 วันของคุณป้อมว่าทำอะไรบ้าง ไล่ตั้งแต่ตื่นเช้ามาทำโยคะ 1 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น และเกิดเป็นสมาธิก่อนที่จะเริ่มทำงานต่อไป คุณป้อมได้บอกถึงท่าพื้นฐานของการทำโยคะแบบง่าย ๆ ด้วยท่าที่เรียกว่า ท่าสุริยะนมัสการ ขั้นตอนในการฝึกท่านี้บอกไว้อย่างละเอียดในหนังสือครับ หลังจากออกกำลังกายเสร็จ ก็จะมาทำกิจกรรมต่อไปที่คุณป้อมเรียกว่า ทักทายผัก ก็คือการรดน้ำผักที่ปลูกไว้ สังเกตต้นที่เหี่ยวหรือเป็นโรค ตัดแต่งผักให้สวยงาม หลังจากนั้นก็จะมาทำอาหารเช้าให้ตัวเองและสมาชิกในครอบครัว แล้วก็ลงมาที่แปลงผักอีกครั้ง ทำนู้นทำนี่ก็เที่ยงแล้ว เรื่องราวใน 1 วันของคุณป้อมในหนังสือ จะสอดแทรกเมนูอาหารเพื่อสุขภาพไว้ด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการทำโยเกิร์ต การทำน้ำเต้าหู้ การทำยำขนมจีน เบรกบ่ายด้วยขนมกุยช่าย ตกเย็นก็ต้มส้มผักบุ้งบวกด้วยน้ำพริกมะเขือส้มครับ แหม….ผมว่าในแต่ละวัน น่าจะมี 2 เรื่องที่คุณป้อมคิดนะครับ 1 คือเรื่องผักที่ปลูก และ 2 ก็คือเรื่องกินนี่แหละครับ ฮ่า ๆๆ แล้วก็ทำงานตั้งแต่บ่ายจนถึงค่ำอีกครั้ง ในแต่ละวันก็จะมีอะไรให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการให้อาหารไส้เดือน การย้ายต้นกล้าผักลงถาดเพาะ การแช่เมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ สำหรับเพาะในวันถัดไป รวมไปถึงตอบ Comment แฟน ๆ ใน facebook ฯ
ส่วนการเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือของคุณป้อม เล่าจากประสบการณ์ในแต่ละวัน มีการแทรกมุขตลกเข้าไปในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนอารมณ์ขันของผู้เขียนได้เป็นอย่างดี ทำให้หนังสืออ่านง่ายดีครับ และการใช้ชีวิตของคุณป้อมไม่ได้เลือกทานผลผลิตที่เป็นออร์แกนิคเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการดำเนินชีวิตแบบออร์แกนิคควบคู่กันไปด้วย
ตลาดสีเขียว
และในเล่มก็จะกล่าวถึงเครือข่ายตลาดสีเขียว และเพื่อนในกลุ่มผู้ปลูกผักอินทรีย์ซึ่งมีอุดมการณ์เดียวกัน เป็นเครือข่ายของผู้รักในการทำเกษตรอินทรีย์ และในปัจจุบันก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ยกตัวอย่าง ไม่ว่าจะเป็น คุณใหม่(โครงการตระกร้าปันผักและสวนผัก Organic Way) ,คุณกัน(Shortcut Organic รถโมบายล์ขายสินค้าออร์แกนิคและให้ความรู้เกษตรอินทรีย์ตามงานสีเขียวต่าง ๆ ) ,คุณกุ๊ก(สวนปลูกผักอินทรีย์ที่สอดแทรกปรัชญาตามวิถีพุทธ ) ,คุณลินจง(ที่สอดแทรกเรื่องราวของการรักธรรมชาติผ่านการปลูกผักให้ลูกสาว) ซึ่งในหนังสือของคุณป้อมก็ได้แนะนำความเป็นมาของแต่ละท่านไว้ด้วยครับ
ออกเดินทาง
อีกหนึ่งสิ่งที่คุณป้อมเล่าถึง ก็คือการเดินทางท่องเที่ยวหลังจากที่อยู่บ้านนาน ๆ การเดินทางท่องเที่ยวจะไปครั้งละ 1-2 สัปดาห์ เดินทางไปเรื่อย ๆ ตามแผนที่วางไว้ แต่สามารถยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้เสมอ ค่ำไหนนอนนั่น ดื่มด่ำซึมซับกับบรรยากาศสองข้างทางอย่างเต็มที่ ทำอาหารทานด้วยตนเอง ผมว่านี่แหละครับ เป็นการใช้ชีวิตแบบ Slow life ของจริง การเดินทางในแต่ละครั้ง คุณป้อมก็จะได้พบกับผู้คนใหม่ ๆ หรือไปพบกับเพื่อนในกลุ่มเกษตรอินทรีย์ด้วยกันบ้าง มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีน้ำใจต่อกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ และคำว่าน้ำใจ สิ่งนี้เองที่เป็นสิ่งหลอมรวมเราทุก ๆ คน ให้เข้าไปอยู่ในใจซึ่งกันและกัน ไว้วางใจกัน เป็นสิ่งที่ทำให้สังคมของเรายั่งยืนครับ
เครือข่ายสังคมเกษตร
การเดินทางของคุณป้อมก็จะมีการแวะเวียนไปเยี่ยมเพื่อนไร่ ที่อยู่ตามต่างจังหวัดต่าง ๆ ที่ผ่านไปใกล้ เป็นสังคมเกษตรอินทรีย์อย่างแท้จริง มีความจริงใจ แบ่งปันความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และน้ำใจที่ใสสะอาด เพื่อน ๆ ที่คุณป้อมพูดถึงก็อาทิเช่น ไร่ลุงเทพ ,ไร่ Safety Farm , ศูนย์บำบัดพนัสนิคม ,ฟาร์มข้าวอินทรีย์ ราชบุรี ,แหล่งผลิตเกลืออินทรีย์ ,แหล่งผลิตน้ำตาลมะพร้าว และแหล่งผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์อื่น ๆ ครับ ซึ่งคุณป้อมได้เล่าถึงความเป็นมาของแต่ละที่ไว้อย่างละเอียดในหนังสือครับ
เทคนิควิธีมาครบ
หนังสือเล่มนี้ยังมีวิธีการถนอมอาหาร และการทำของใช้ในชีวิตประจำวันด้วย เช่น วิธีการทำไข่เค็ม ,ยาสระผมมะกรูด ,ยาสีฟัน ,ยาแก้ไอมะกรูด ,วิธีทำผักกาดดอง ,ซอสกระเพรา ,ซอสซีอิ๊วใบหม่อน และเครื่องดื่มจากผักที่ปลูกเองครับ ตอนแรกผมเองยังนึกว่าเป็นหนังสือสอนทำอาหารเลยด้วยซ้ำ ฮ่า ๆ ๆ ซึ่งแต่ละอย่างคุณป้อมก็ได้บอกวิธีทำไว้ด้วย
สรุป
หนังสือ My organic life เป็นหนังสือที่บอกแนวทางการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ให้เราอยู่กับปัจจุบัน ไม่เครียดกับงาน ใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากเป็น การเล่าเรื่องนั้นสนุก รวมทั้งยังมีวิธีการทำอาหารหลากหลายเมนู และวิธีการถนอมอาหารต่าง ๆ ให้อีกด้วย และสิ่งสำคัญก็คือ การเกิดเครือข่ายสังคมเกษตรอินทรีย์รุ่นใหม่ ที่ส่งเสริมผลักดันให้สังคมเกษตรอินทรีย์ เป็นสังคมที่ยั่งยืน สร้างสรรค์แต่สิ่งดี ๆ ออกมาสู่สังคม ผมเคยหวังไว้ว่าจะเกิดสังคมการแบ่งปันสิ่งดี ๆ แบบนี้ขึ้นบ้าง ซึ่งตอนนี้มันก็เริ่มจะกลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว
เรามาช่วยกันสร้างสังคมสีเขียว และทำให้มันกลายเป็นความจริงกันเถอะครับ
ผลงานจาก Youtube : สวนผักคนเมือง
สวนผักริมรั้ว คุณป้อม ศิริกุล
https://www.youtube.com/watch?v=mKyWTfjHVno
และเว็บไซต์ www.thaicityfarm.com ครับ
ข้อควรรู้
หนังสือเล่มนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไป ประยุกต์จากสิ่งที่มี และการใช้ชีวิตอิงกับธรรมชาติ
ข้อเสนอแนะ
ผู้ที่หาหนังสือ How to หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือที่สอนการปลูกพืชผักนะครับ