Cr image : www.farmthailand.com

หนังสือ Organic farm สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นที่ไร่

รายละเอียด

ผู้เขียน : โช โอกะ (Sho Oga)

ผู้แปล : สุดารัตน์ เอื้อเปี่ยมมงคล

สำนักพิมพ์ : NANMEEBOOKS

ราคา : 175 บาท


ทุก ๆ สิ่ง เริ่มจากความสนใจเป็นอันดับแรก

ารภาพตามตรง ความคิดแรกที่ผมอยากจะทำฟาร์มออร์แกนิค ผมยังไม่มีแนวทางว่าต้องเริ่มต้นยังไงเลย ลองศึกษาหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ก็มีแต่ข้อมูลที่ตอบไม่ตรงประเด็นเท่าไร่ เปลี่ยนแผน ! ลองไปหาดูหนังสือที่ร้านดู ส่วนใหญ่ที่ร้านหนังสือจะมีมุมหนังสือเกี่ยวกับการทำเกษตร ซึ่งตอนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าอะไรมาแรง หนังสือที่ขึ้นแท่นแนะนำคือ การปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์ ฮ่า ๆๆ เยอะมาก ๆ ครับ ลองหาดูอีกซักพักก็มาสะดุดกับหนังสือเล่มหนึ่งครับ Organic Farm สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นที่ไร่ ด้านหน้าปกบอกว่าเขียนโดย คุณโช โอกะ (Sho Oga) เปิดดูไปดูมา เฮ้ย นี่คนเขียนเป็นเจ้าของฟาร์มฮาร์โมนีไลฟ์ ที่เขาใหญ่นิ ย้อนกลับไปตอนที่ผมหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต โดยค้นคำว่า ออร์แกนิคฟาร์ม หรือการทำเกษตรอินทรีย์ เว็บไซต์ของฮาร์โมนีไลฟ์ก็จะขึ้นมาปรากฎเป็นลำดับแรก ๆ ไม่รอช้าครับ รีบซื้อจับจองมาเป็นเจ้าของทันที

       อย่างที่บอกครับ ผมเริ่มสนใจที่อยากจะทำฟาร์มออร์แกนิคเป็นของตัวเองซักครั้ง เพราะผมเห็นว่า ในปัจจุบันอาหารการกินที่คนเราทานเข้าไป เราไม่ทราบเลยว่ามาจากแหล่งไหน กระบวนการผลิตก่อนที่จะมาถึงมือผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ผ่านอะไรมาบ้าง ทั้งยาฆ่าแมลง ฮอร์โมนเร่งโต ปุ๋ยเคมี และอีกสารพัด สิ่งเหล่านี้สะสมอยู่ในร่างกายของเรามาเป็นระยะเวลานาน มันจึงเป็นเหมือนระเบิดเวลา ซึ่งถ้าสะสมมาก ๆ เราอาจจะต้องเจ็บไข้ได้ป่วยกันเลยทีเดียวครับ หรือเราจะรอให้เวลานั้นมาถึง มันต้องมีทางอื่นสิ ที่ผมจะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้ทานของดี มีประโยชน์ ปลอดสารเคมี ด้วยวิถีออร์แกนิคอย่างแท้จริง ปลอดภัยทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค และนั่นคือความมุ่งมั่นของผมอย่างแท้จริงที่อยากจะ

“ส่งสุขภาพดีไปยังผู้คน”

       แต่ก่อนอื่น ผมจะต้องหาแนวทางหรือแบบอย่างในการทำการเกษตรอินทรีย์ให้เจอก่อน ซึ่งอาจารย์โช โอกะ ได้เขียนและรวบรวมเรื่องราวต่าง ๆ จากประสบการณ์ของการทำฟาร์มออร์แกนิคถึง 15 ปี ของอาจารย์ รวบรวมไว้ในหนังสือเล่มนี้แล้วครับ

detailbook_0416-99-8
Cr image : www.nanmeebooks.com

จุดประกายด้วยแรงผลักดัน

       หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งแรก เมื่อเดือนมกราคม 2557 แต่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี แนวทางในการทำเกษตรแบบอินทรีย์ก็ยังใช้ได้เสมอครับ ในหนังสือ Organic Farm สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นที่ไร่นี้ อาจารย์โช โอกะ ได้เล่าถึงว่าอาจารย์เป็นนักธุรกิจที่มาขายเครื่องมือแพทย์ที่ประเทศไทย เห็นบรรยากาศของเมืองไทย และอยากจะทำการเกษตรแบบอินทรีย์ ทั้งที่ยังไม่เคยทำการเกษตรแม้แต่ครั้งเดียวเลย แต่ความคิดที่จุดประกายในการอยากทำ คืออาจารย์ได้ฟังสุนทรพจน์ของเด็กอายุ 12 ปี ที่งานประชุมสิ่งแวดล้อมโลก ที่บราซิล เนื้อหาเกี่ยวกับ เด็ก ๆ ที่อยากให้ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ เห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ซึ่งในอนาคตเด็กกลุ่มนี้จะต้องเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ ที่ตอนนั้นสิ่งแวดล้อมอาจจะเลวร้ายเกินเยียวยาแล้วด้วยซ้ำ และนั้นเป็นแรงจุดประกาย ให้อาจารย์ถามตัวเองว่า เราจะสามารถทำอะไรเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมได้บ้างหรือเปล่า

       การทำการเกษตรทุกวันนี้ เกษตรกรส่วนใหญ่ใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง และปุ๋ยเคมีในการทำการเกษตรเกือบครัวเรือน ผลของการใช้สารเคมีเหล่านั้น ทำให้ดินเสื่อมโทรม พืชอ่อนแอเป็นโรคง่าย สารเคมีถูกชะล้างลงสู่แม่น้ำลำคลอง และส่งผลเสียในระยะยาวกับตัวของเกษตรกรผู้ที่ใช้สารเคมีเอง แต่มันก็ไม่ง่ายเลยครับ ที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเกษตรกรที่ทำแบบนี้ติดต่อกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นแรงผลักดันให้อาจารย์อยากทำฟาร์มออแกนิค เป็นเป้าหมายที่ว่า เพื่อให้มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่อย่างสอดคล้องกับธรรมชาติ ทำให้อาจารย์ก่อตั้ง บริษัทฮาร์โมนีไลฟ์  อินเตอร์  เนชั่นแนล  จำกัด ซึ่งก่อตั้งในปี 2542

Cr : www.manager.co.th
อาจารย์ โช โอกะ ผูู้เขียนหนังสือ Cr image : www.manager.co.th

ลาออกเพื่อมาทำเกษตรอินทรีย์

       หลังจากการลาอกก และหาที่ดินเพื่อใช้ทำการเกษตร ซึ่งอาจารย์ก็ได้ที่ดินแปลงหนึ่งติดกับเขาใหญ่ เป็นที่ว่างเปล่าที่ยังไม่เคยผ่านการทำการเกษตรมาก่อน ใช้เวลาบุกเบิกเป็นเวลาถึง 1 ปี น้ำที่ใช้ในการทำการเกษตรจะใช้น้ำจากแม่น้ำลำคลองไม่ได้ เพราะมีสารเคมีเจือปน ต้องเป็นบ่อน้ำบาดาลที่ต้องเจาะในฟาร์ม ซึ่งบ่อที่อาจารย์ใช้ในฟาร์มมีความลึกถึง 150 เมตร ภายในฟาร์มมีแปลงพืชผักนานาชนิด โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ ศูนย์วิจัย ห้องสัมมนาสำหรับผู้มาเยี่ยมชม และใช้แรงงานในท้องถิ่น 100% เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้ในชุมชน

ใบรับรองเกษตรอินทรีย์

       ในการเริ่มต้นทำการเกษตร มีสิ่งหนึ่งที่จะการันตีถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ก็คือการได้รับใบรับรองพืชออร์แกนิคจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบันฟาร์มฮาร์โมนีไลฟ์ได้ใบรับรองผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคถึง 5 สถาบันด้วยกัน

Cr image : www.harmonylife.co.th
Cr image : www.harmonylife.co.th

       

       การทำเกษตรอินทรีย์คือการทำให้ดิน และพืช มีความสอดคล้องซึ่งกันและกัน โดยใช้ปุ๋ยจากธรรมชาติ ใช้มูลสัตว์ที่เลี้ยงไว้ในฟาร์ม ยกตัวอย่างเช่นวัวก็จะให้กินหญ้าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพื่อที่จะได้มูลแบบไร้สารเคมีเจือปน และยังได้ใช้จุลินทรีย์มาช่วยในการปรับปรุงหน้าดิน เพื่อให้โครงสร้างของดินมีความร่วนซุย เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืช แม้กระทั่งการนำจุลินทรีย์มาหมักปุ๋ย เพื่อใช้เป็นอาหารของพืชได้อีกทางหนึ่งด้วย และอีกอย่างหนึ่งคือการให้ธรรมชาติดูแลธรรมชาติโดยปล่อยให้มีวัชพืชบ้าง เพื่อเป็นตัวล่อแมลง หรือการใช้แมลงดีกำจัดศัตรูพืชที่เป็นแมลงร้าย และยังทำให้ดินชุ่มชื่นตลอดเวลาด้วย  เหล่านี้เกิดจากที่อาจารย์ โช โอกะ ได้ศึกษาเรียนรู้มาตลอดเวลา ตั้งแต่เริ่มต้นทำฟาร์มมาจนถึงปัจจุบัน แม้จะยากลำบากในช่วงแรก แต่ผลลัพธ์ออกมาถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของการทำเกษตรอินทรีย์ อย่างที่อาจารย์ตั้งเป้าไว้ครับ  และในปัจจุบันฮาร์โมนีไลฟ์มีพืชมากกว่า 70 ชนิด แบ่งเป็นผัก 40 ชนิด  สมุนไพร 15 ชนิด  และผลไม้อีก 15 ชนิดครับ

เกษตรกรยุคใหม่

       ทั้งนี้อาจารย์ยังให้ข้อคิดเกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องไม่ไกลตัวคนรุ่นใหม่อย่างเรา ๆ และเราก็สามารถทำได้ครับ โดยคำนวณแล้วสามารถประหยัดต้นทุนเพราะไม่ต้องซื้อปุ๋ยและสารเคมี  ในระยะยาวก็ไม่ส่งผลต่อสุขภาพของเกษตรกร และผลผลิตยังเป็นที่ต้องการของตลาดด้วย อาจารย์ยังให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับการเปิดตลาดด้วยตนเอง  โดยไม่ผ่านมือพ่อค้าคนกลาง เป็นการตัดห่วงโซ่การกระจายสินค้าในแบบเดิม ๆ โดยสินค้าส่งจากผู้ผลิตถึงมือผู้บริโภคโดยตรง โดยมีการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์  ที่สำคัญ เกษตรกรได้กำไรมากขึ้น  ผู้บริโภคก็ได้รับประทานผลผลิตที่สด ใหม่ ปลอดภัย และมีประโยชน์

Cr : www.pixabay.com
Cr : www.pixabay.com

 

ช่องทางหาตลาดสำหรับสินค้าเกษตร

       อย่างเร็ว ๆ นี้ ผมเห็นมีการขายผักผลไม้ผ่านทาง facebook ซึ่งเจ้าของสวนได้สร้าง fanpage และประกาศขายในเพจเลย อย่างเช่น เมล่อน มะม่วง องุ่น สตอเบอรี่ หรือแม้กระทั่งทุเรียนก็ยังมีครับ แถมยังได้เสียงตอบรับจากผู้บริโภคด้วยว่า อร่อย  ทำให้มีการเปิดจองรับออร์เดอร์กันข้ามปีเลยทีเดียว นี่แหละครับ คือข้อดีของการใช้เครือข่ายออนไลน์ให้เป็นประโยชน์

       และไม่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้นที่อาจารย์สนับสนุนให้มีการทำการเกษตรแบบอินทรีย์  ยังมีประเทศอื่นที่อาจารย์ได้ให้ความรู้ และแนวทางในการทำเกษตรอินทรีย์ อาทิเช่น อินเดีย ญี่ปุ่น กัมพูชา เป็นต้น

       มีสิ่งหนึ่งที่อาจารย์โช โอกะ ได้เน้นเป็นพิเศษ คือการแปรรูปผลิตภัณฑ์  ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และยังสามารถเก็บได้ยาวนานยิ่งขึ้น ผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ผมเคยทาน หรือคุณเองอาจจะเคยทาน แต่ไม่ทราบแหล่งที่มาว่ามาจากไหน ก็คือบะหมี่ผักโมโรเฮยะ ที่อยู่ในเอ็มเค สุกี้ นั่นแหละครับ  หรือที่เราเรียกว่า ” บะหมี่ผัก ” ก็เป็นผลผลิตจากฮาร์โมนีไลฟ์นี่เองครับ เป็นบะหมี่ผักอบแห้งไม่ทอดน้ำมัน  สีเขียวของบะหมี่เกิดจากผักโมโรเฮยะที่ปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ และฮาร์โมนีไลฟ์ก็ยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น ๆ อีกมากมายให้เลือกเช่นกัน

ส่งมอบคุณค่าไปยังผู้คน

       ในปี 2553 อาจารย์โช โอกะ ได้ทำการเปิดร้านอาหารออร์แกนิคที่กรุงเทพมหานคร โดยชั้นที่ 1 เป็นร้อนขายผลิตภัณฑ์จำพวกผักผลไม้ออร์แกนิคตามฤดูกาล และยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปต่าง ๆ จากฟาร์มจำหน่ายด้วย  ส่วนชั้นที่ 2 และ 3 เป็นร้านอาหาร ซึ่งจะใช้วัตถุดิบจากทางฟาร์มทั้งหมด เพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มรสความอร่อยกับอาหารหลากหลายเมนู ทั้งยังส่งผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย โดยชื่อร้านคือ ร้านซัสเทน่า ซึ่งมาจากคำว่า Sustainability หมายถึง  การสร้างโลกที่ดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนนั่นเองครับ

ภาพจากในหนังสือ
ภาพจากในหนังสือ

 

เทคนิคต่าง ๆ

       หนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ประวัติของการทำฟาร์มเท่านั้นครับ อาจารย์โช โอกะ ยังได้ให้ความรู้และเทคนิคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วิธีการรับมือกับความเสียหายจากโรคและแมลง  หรือแม้กระทั่งการทำน้ำหมัก EM  เพื่อใช้ในการทำเกษตรอินทรีย์  สูตรน้ำหมักไล่แมลง  การทำปุ๋ยคอกหมัก  การทำปุ๋ยหมักอินทรีย์  การทำปุ๋ยอินทรีย์น้ำ  การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์  การตรวจสอบความเป็นกรดเป็นด่างของดิน  การยกร่อง การให้น้ำ หรือแม้กระทั่งฤดูเก็บเกี่ยวของพืชผักชนิดต่าง ๆ  ถ้าคุณกำลังมองหาหนังสือสักเล่ม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการทำการเกษตรอินทรีย์แล้วล่ะก็  ผมว่า เล่มนี้คือคำตอบ

       สุดท้ายผมขอขอบคุณอาจารย์โช โอกะ และสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์  ที่ได้จัดทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะให้คนที่กำลังศึกษา  ค้นคว้า  หรือมีความสนใจเกี่ยวกับวิธีการทำเกษตรแบบอินทรีย์ เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการเรียนรู้ และลงมือทำ เพื่อให้มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่อย่างสอดคล้องกับธรรมชาติ ตามเจตนารมณ์ของอาจารย์ครับ

“แล้วสักวันหนึ่ง ผมจะต้องไปเยือนฮาร์โมนีไลฟ์ให้ได้ “


ข้อควรรู้

หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเหมาะแก่ผู้ที่อยากศึกษาเกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ จากเริ่มต้นสู่การปฏิบัติ ทั้งยังได้ทริป เทคนิคต่าง ๆ ที่อาจารย์สอดแทรกไว้ในแต่ละบทครับ

ข้อเสนอแนะ

รูปเล่มด้านหน้าออกแบบได้สวย ส่วนด้านในจะภาพสีเฉพาะหน้าเริ่มบทใหม่ ส่วนเนื้อหา หรือภาพประกอบจะเป็นไปในโทนขาว-เขียวเกือบทั้งเล่ม ถ้าเป็นสีทั้งเล่ม จะสวยงามมากกว่านี้ครับ

เยี่ยมชมเว็บไซต์ฮาร์โมนีไลฟ์ : www.harmonylife.co.th